Hiroshi Mikitani กำลังมุ่งพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในญี่ปุ่นด้วย Rakuten Mobile
Hiroshi Mikitani ซีอีโอแห่ง Rakuten ไม่ใช่พวกที่วิ่งหนีความเสี่ยง และการเดิมพัน 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของเขาในวันนี้ก็เป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยทํามากับสตาร์ทอัพเทคโนโลยีใหม่เพื่อเขย่าตลาดโทรศัพท์มือถือซึ่งผูกขาดอยู่เพียง 3 รายใหญ่และยากที่ใครจะเจาะเข้าไปได้
Rakuten ต้องการสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมรูปแบบใหม่ในญี่ปุ่นโดยใช้เวลาน้อยสุดเพียงครึ่งหนึ่งและในต้นทุนที่ถูกกว่า ด้วยการลงทุนที่อาจใช้น้อยกว่าถึง 40% เมื่อเทียบกับการสร้างระบบโทรคมนาคมแบบดั้งเดิม
บริการใหม่ที่มีชื่อว่า Rakuten Mobile ตั้งเป้าหมายดึงดูดผู้ใช้งานราว 10 ล้านคนภายในระยะ 9 ปีข้างหน้า และขยายไปเป็น 15 ล้านคนในระยะถัดไป ด้วยการให้บริการที่บริษัทอ้างว่าจะถูกกว่า เร็วกว่า มีความเสถียรมากกว่าโครงข่ายแบบเดิม ขณะที่เงินลงทุน 5.5 พันล้านเหรียญ ก็ประมาณเท่ากับงบที่ 2 ยักษ์โทรคมนาคมอย่าง NTT Docomo และ KDDI ใช้ลงทุนต่อปีกันเท่านั้น
“นั่นล่ะคือประเด็นสําคัญเลย” Mikitani วัย 54 ปี ซึ่งอยู่ใน อันดับ 5 มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นในปีนี้ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6 พันล้านเหรียญ กล่าว
Mikitani วางแผนที่จะดึงฐานลูกค้าเดิมของ Rakuten ราว 100 ล้านคนในญี่ปุ่น ทั้งในส่วนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บัตรเครดิต อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เทรดดิ้งออนไลน์ และคอนเทนต์ ให้มาลงทะเบียนใช้บริการโทรศัพท์ใหม่นี้ด้วย โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตามเมืองใหญ่ก่อนในเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจึงค่อยขยายไปทั่วประเทศ
“การใช้ระบบนิเวศของเราเองจะทําให้ได้ลูกค้ามาในต้นทุนที่ถูกกว่ามาก การดําเนินงานของเราก็คล่องตัวกว่าบรรดาคู่แข่ง นอกจากนี้ เรายังสามารถเสริมบริการใหม่ให้เข้มข้นขึ้น โดยใช้ระบบนิเวศของ Rakuten ที่มีอยู่ ผมคิดว่าคนทั่วไปไม่มานั่งสนใจหรอกว่าจะเป็น NTT เป็น SoftBank หรือว่า เป็น Rakuten เพราะหัวใจหลักอยู่ที่การเชื่อมต่อ ความเร็ว ราคา และบริการพิเศษที่คุณมอบให้พวกเขามากกว่า” Mikitani กล่าว
ในขณะที่ Rakuten เริ่มให้บริการนั้น KDDI ก็จะเป็นผู้ให้บริการไปยังพื้นที่ที่ Rakuten ยังไม่ได้เข้าถึง โดยปัจจุบัน บริษัทมีบริการระบบโทรศัพท์มือถือเสมือนที่เช่าสายสัญญาณมาจากธุรกิจเดิมอย่าง NTT Docomo และ KDDI
หนึ่งในเทคโนโลยีสําคัญซึ่งอยู่เบื้องหลังเครือข่ายนี้ชื่อว่า เครือข่ายวิทยุเสมือน (VRAN) ซึ่งทําให้การทํางานของบรรดาสถานีข่ายที่เชื่อมโทรศัพท์มือถือเข้ากับเครือข่ายมีความง่ายขึ้น Tareq Annin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Rakuten กล่าวว่า การใช้เครือข่ายดังกล่าวบนระบบคลาวด์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีโนว์ฮาวอื่นๆ สามารถช่วยลดต้นทุน ด้านการดําเนินงานและการซ่อมบํารุงได้อย่างน้อยถึง 30%
โดย Rakuten กําลังสร้างบริการเครือข่าย 4G ที่สามารถ เปลี่ยนไปเป็น 5G ได้ง่ายๆ ราวกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ แทนที่จะเป็นการลงทุนฮาร์ดแวร์ใหม่ราคาแพงลิ่ว
Mikitani ไม่ใช่มหาเศรษฐีรายแรกที่เข้ามาเขย่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในญี่ปุ่น มหาเศรษฐีอย่าง Masayoshi Son ก็เคยเดิมพันคล้ายกันมาแล้ว แต่แทนที่จะเริ่มต้นจากศูนย์เหมือนที่ Mikitani กําลังทําอยู่ Son ก้าวเข้ามาด้วยการซื้อธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้วของบริษัท Vodafone ในญี่ปุ่น เป็นเงินเกือบ 1.8 ล้านล้านเยน (ราว 1.5 หมื่น ล้านเหรียญ) ในปี 2006 ซึ่งกลายมาเป็น SoftBank ในปัจจุบัน
แม้ Rakuten เองเชื่อมั่นว่า จะสามารถส่งมอบบริการในเชิงพาณิชย์ได้ตามกําหนดในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่นักลงทุนบางส่วนกลับไม่เชื่ออย่างนั้น
ทั้งนี้ CLSA คาดการณ์ว่าผลกําไรสุทธิของ Rakuten ในปี 2017 จะลดลง 5% มาอยู่ที่ 5.87 หมื่นล้านเหรียญ และลดลงอีก 38% มาอยู่ที่ 3.64 หมื่นล้านในปีถัดไป เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจสื่อสารและยังมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของอี-คอมเมิร์ซ และ Rakuten จะเผชิญภาวะขาดทุนไปอีก 3 ปีหลังจากนั้นเป็นอย่างน้อย
ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีบริษัทสื่อสารรายใดที่จะสร้างเครือข่าย VRAN บนระบบคลาวด์ตั้งแต่ต้นจนจบโดยเริ่มจากศูนย์เหมือนที่ Rakuten พยายามทําอยู่ ซึ่งแม้แต่ Rakuten เองก็ยอมรับความท้าทายนี้ ในการเปิดตัวระบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
“พวกเขาบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เรากล้าที่จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้” Rakuten เปิดเผยในเดือนเดียวกันว่า ต้องการลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์กับ Altiostar Networks บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ร่วมสร้างระบบด้วยกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินลงทุน